คนเอเชีย ระดับกลาง พอมีกำลังซื้อ และสามารถเก็บกินได้ในระยะยาว  ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก

และในวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 2555 นี้บริษัท จะนำโครงการ “ Crown Birmingham) มานำเสนอขายอีก 1 โครงการ  โดยเชื่อว่ายังมีคนหลายที่สนใจลงทุนโครงการประเภทนี้เป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่กล้าตัดสินใจ ดังนั้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมาบริษัทฯจึงได้จัดสัมมนาพิเศษ ในหัวข้อ “ลงทุนอสังหาฯในอังกฤษอย่างไร...ให้รุ่ง (Buying Property in UK”)  ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบงก์คอก โดยได้เชิญผู้มีความรู้ในเรื่องการลงทุนในอังกฤษมาบรรยายข้อมูล และสร้างความเข้าใจให้นักลงทุนที่สนใจได้รับฟัง เมื่อนักลงทุนเหล่านี้มีความเข้าใจแล้ว หลังจากนั้นจะตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้น

 “การลงทุนอสังหาฯประเภทนี้ สามารถซื้อได้ในราคาที่ไม่แพง เมื่อเทียบกับคอนโดฯใจกลางลอนดอน ซึ่งราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท และถูกสุดอยู่ที่ 20-30 ล้านบาท  โดยเป็นการเช่าระยะยาวสูงสุด 999 ปีเช่นกัน แต่หอพักจะได้ข้อยกเว้นในเรื่องของ ภาษี เพราะรัฐบาลมีส่วนช่วยอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับการศึกษา เพราะเค้ามีนโยบายสนับสนุนในคนต่างประเทศเข้ามาเรียน อีกทั้งยังไม่ต้องเสีย Stamp Duty กล่าวคือ ภาษีอากรแสตป์ เพราะโดยปกติแล้ว คนต่างชาติ หรือคนอังกฤษที่ซื้ออสังหาฯนั้น ต้องเสียทุกคน แต่มีข้อแม้อยู่ที่ราคาเท่าไหร่ขึ้นไปถึงเสีย น้อยกว่าเท่าไหร่ถึงไม่เสีย และหอพักนักศึกษาที่ว่านี้ ราคาไม่สูง ดังนั้นเลยไม่เสีย อีกทั้งที่ดินที่เช่าระยะยาวนี้ก็สามารถถ่ายทอดเป็นมรดกได้ และขายต่อเมื่อไหร่ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการการันตีเรื่องรายได้ ว่าจะเป็นกี่ % ต่อปี และด้วยความที่เป็นหอพักนักศึกษา มีนักศึกษาเข้ามาจองห้องพักอย่างต่อเนื่อง และจ่ายเงินล่วงหน้า 6เดือน ดังนั้น เราจะได้รับผลตอบแทนที่ชัดเจน และล่วงหน้า 6เดือนเช่นกัน ที่สำคัญหอพักไม่มีค่าส่วนกลาง อะไรเสียหาย ชำรุด ไม่เกี่ยวกับเรา อีกทั้งยังมีการบริหารจัดการที่ดี บริษัทที่ดูแลหอพักนั้นมีความสามารถด้านนี้โดยตรงเค้ามาดูแลอาคาร ห้องพัก ทุกอย่างโดยที่เราก็ไม่ต้องเสียอะไร แล ราคาค่าเช่าหอพักนักศึกษานั้นจะปรับขึ้น 8-9% ต่อปีอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจลงทุนมาก เพราะมีอัตราการเข้าพักเต็มตลอด” นายชนะ กล่าว
 
ปี 56 เพิ่มเซกเมนต์นำเสนอขาย

นายชนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า  การพัฒนาโครงการในประเทศอังกฤษต่อ 1 โครงการจะไม่ง่ายเหมือนในประเทศไทย หรือต่างประเทศ แต่จะเป็นการดำเนินการผ่านทนายที่ไม่ใช่ทนายของบริษัทฯนั้นๆแต่อย่างใด ดังนั้นการซื้อขาย จะไม่มีการผ่อนเป็นรายเดือนเหมือนการซื้อคอนโดฯในเมืองไทย เช่นราคา 65,000  ปอนด์ ตกลงจะซื้อ ก็ทำสัญญา จ่ายก่อนครึ่งนึง สร้างเสร็จจ่ายอีกครึ่งนึง  การซื้ออสังหาในต่างประเทศ จะไม่มีการที่ผู้ขาย และผู้ซื้อ ซื้อขายกันโดยตรง แต่ต้องมีการดำเนินการผ่านทนายเท่านั้น ดังนั้น เงินครึ่งแรก จ่ายให้ทนาย ทนายเก็บไว้ เมื่อสร้างเสร็จ ทนายถึงจะส่งมอบให้ Developer แล้วเงินครึ่งหลัง  ลูกค้าจึงค่อยจ่ายให้ Developer ตรงๆ เช่นเดียวกัน และหารต้องการขาย ได้กำไรพอแล้ว ขายแล้วได้เงินก้อนใหญ่ ก็ต้องผ่านทนายเช่นเดียวกัน ไม่มีการวิ่งหาผู้ซื้อแล้วชำระเงินกันเอง

“ผู้ ประกอบการชาวอังกฤษจะถนัดในเรื่องของการพัฒนา แต่ในด้านการขายจะเป็นหน้าที่ของเอเยนซี่ และลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวเอเชีย โดยอันดับหนึ่งคือ ฮ่องกง รองลงมาคือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย เป็นต้น โดยที่ผ่านมาลูกค้าแต่ละรายจะสนใจลงทุนซื้อหอพักประมาณ 2 ห้อง”

http://www.buildernews.in.th/property/page.php?a=10&n=71&cno=739

http://www.be2hand.com/scripts/shop.php?user=omenandinho
นาย ชนะ กล่าวต่อไปว่า ในปี 2556 บริษัทฯยังมีแผนที่จะนำหอพัก ในเมืองต่างๆในอังกฤษมานำเสนอขายอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการนำโครงการอสังหาฯประเภทต่างๆมานำเสนอขายเช่นกัน อาทิ โรงแรม,ออฟฟิศ,อพาร์ตเมนต์,โกดังสินค้า และโลจิสติกส์ ระดับราคาที่ประมาณ 2-8 ล้านบาท เป็นต้น โดยจะเริ่มจากการนำอพาร์ตเมนต์ ใจกลางเมืองลอนดอน มานำเสนอขายระดับราคา 50 ล้านบาทบวกลบ ในช่วงไตรมาส2/56  เนื่องจากมองว่าความต้องการตลาดดังกล่าวยังมีอีกมาก

นับจากนี้ไปคง เห็นความเคลื่อนไหวการซื้อขายอสังหาฯจากประเทศอังกฤษ ผ่านตัวแทนขายมืออาชีพำมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าเศรษฐีไทยยังมีกำลังซื้ออีกมาก